2053 จำนวนผู้เข้าชม |
ขายของออนไลน์บุคคลธรรมดา
สำหรับเรื่องภาษีขายของออนไลน์นั้น ไม่ใช่เรื่องของภาษี แต่มันคือ บัญชีรายรับรายจ่าย
การแยกบัญชีธุรกิจออกมาจากบัญชีส่วนตัว เพราะเราต้องแยกให้ชัดว่าอะไรคือรายได้และรายจ่ายของธุรกิจ ถ้าแยกไม่ได้มีปัญหาแน่นอน เพราะสรรพากรอาจจะประเมินเงินที่เข้าในบัญชีเราเป็นรายได้ทั้งหมดได้ และยิ่งถ้าไม่ทำบัญชีและไม่มีหลักฐานด้วยแล้ว เราจะพิสูจน์ตัวเองได้ยังไง
เรื่องของเอกสารหลักฐาน ทำไมต้องเก็บ และเก็บไปเพื่ออะไร?
สำหรับกรณีขายของออนไลน์ เราต้องเก็บหลักฐานไว้เพื่อใช้คำนวณภาษี ถ้าหากธุรกิจของเรานั้น
1. ขายของแบบซื้อมาขายไป แล้วมีต้นทุน "จริง" ที่มีเอกสารหลักฐานเกินกว่า 60% ของยอดขาย
2. ไม่ได้ทำธุรกิจขายของแบบซื้อมาขายไป คุณจำเป็นต้องเก็บ "หลักฐาน" ในทุกกรณี เพราะว่ามันจะต้องถูกใช้ในการคำนวณภาษีของคุณ ซึ่งถ้าหากไม่มีหลักฐาน คุณจะไม่สามารถใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีได้
ธุรกิจแบบซื้อมาขายไปนั้น กฎหมายให้ช่องทางการหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีไว้ 2 ทางเลือก คือ
1. หักเหมาได้เลยทันที 60% (โดยไม่ต้องใช้หลักฐาน)
2. หักตามค่าใช้จ่ายจริงเพราะมีต้นทุนสูงกว่า 60% ก็จะต้องพิสูจน์เช่นเดียวกันด้วยหลักฐาน
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากับการขายของออนไลน์
วิธีคานวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้นจะมี 2 วิธี เรียกว่าเงินได้สุทธิกับเงินได้พึงประเมิน คือ
1. เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี
โดยคำว่า เงินได้สุทธิ = รายได้ -ค่าใช้จ่าย –ค่าลดหย่อน และอัตราภาษีจะเป็นแบบก้าวหน้า
(5 -35%) นั่นคือ ยิ่งมีรายได้มาก ยิ่งเสียภาษีมากนั่นเอง
2. เงินได้พึงประเมิน x 0.5%
โดยคำว่า เงินได้พึงประเมิน = เงินได้ทั้งก้อนก่อนหักค่าใช้จ่าย สำหรับวิธีนี้จะเอารายได้มาคูณตรงๆเลย โดยจะใช้วิธี นี้คำนวณภาษีเมื่อมีรายได้ที่ไม่ใช่เงินเดือน (เงินได้ประเภทที่ 1 หรือ มาตรา 40(1)) เกิน 1 ล้านบาทเท่านั้น
ภาษีมูลค่าเพิ่มกับการขายของออนไลน์
ภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยหลักการคือ ถ้าเรามีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีเมื่อไร เราต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มทันที ภายใน 30 วัน)